บทที่ 2 เซลล์, บทที่ 4 วิวัฒนาการ, บทที่ 7 โครงสร้างและหน้าที่ในสัตว์

วิวัฒนาการร่วมกับมนุษย์ทำให้เอชไอวีอันตรายน้อยลง

ลิงก์ที่เกี่ยวข้อง http://io9.com/hiv-may-be-evolving-into-a-less-deadly-and-less-virulen-1665701753

บทที่ 2 เซลล์, บทที่ 3 พันธุศาสตร์, บทที่ 7 โครงสร้างและหน้าที่ในสัตว์

สร้างภูมิคุ้มกันต่อ HIV

Body’s ‘anti-HIV manual’ recorded http://www.bbc.co.uk/news/health-22002455

บทที่ 2 เซลล์

รักษาเอดส์ได้ในทารก

ทารกที่น่าจะติดเชื้อไวรัส HIV ได้รับยาต้านไวรัสภายใน 30 ชั่วโมงหลังคลอด หลังจากการยืนยันว่ามีไวรัสแล้วหมอก็ใหใช้ยาต่อไปจนกระทั่งในเวลาต่อมาเมื่อเด็กกลับมาหาหมอก็ไม่พบการติดเชื้อแล้ว หากยังไม่มีการกลับมาอีกของ HIV ในอนาคตก็น่าจะนำวิธีที่ทีมนี้ไปใช้เพื่อไม่ให้เด็กเกิดมาพร้อมกับไวรัสมีโอกาสรอดต่อไป ที่มา: HIV baby ‘cured’ by treatment http://www.bbc.co.uk/news/world-us-canada-21651225

บทที่ 3 พันธุศาสตร์, บทที่ 4 วิวัฒนาการ

ต้นกำเนิดไวรัส HIV

HIV virus ‘has ancient origins’ http://www.bbc.co.uk/news/science-environment-21189141 รายงานในวารสาร PLoS Pathogens เสนอผลการศึกษายีนของระบบภูมิคุ้มกันของเอป เช่นชิมแพนซีว่าการอุบัติขึ้นของยีนที่อาจทำหน้าที่ต่อสู้กับไวรัส HIV เกิดขึ้นมาเมื่อนานนับหลา้านปีมาแล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้นักวิทยาศาสตร์คิดว่าไวรัสนี้อาจอุบัติขึ้นเมื่อพันกว่าปีก่อน

บทที่ 7 โครงสร้างและหน้าที่ในสัตว์

ชุดทดสอบ HIV จากน้ำลาย

ข่าวจากองค์กรอาหารและยาของสหรัฐอเมริกากล่าวว่าชุดทดสอบ HIV จากบริษัท OraSure จะมีวางจำหน่ายที่ร้านขายว่ากว่าสามหมื่นแห่งในประเทศรวมถึงมีขายออนไลน์ในเวลาไม่นานจากนี้ โดยชุดทดสอบจะใช้เพียงน้ำลายในการทดสอบ และจะเห็นผลภายใน 20-40 นาทีเท่านั้น สมกับชื่อชุดทดสอบที่ถูกตั้งว่า OraQuick และคาดว่าจะขายที่ราคาต่ำกว่า 60 ดอลลาร์

มีการประมาณกันว่ามีคนจำนวนมากที่มีเชื้อ แต่ไม่เคยคิดจะไปตรวจเพราะกลัวความยุ่งยากและความเป็นส่วนตัวหรือความลับ หากมีชุดตรวจสอบนี้วางขาย น่าจะทำให้ประชากรใช้ตรวจสอบและเข้าการรักษาหรือตรวจสอบอย่างเป็นทางการซ้ำได้ดีขึ้น และช่วยควบคุมการระบาดของโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นอีกด้วย

ที่มา: BBC News – US approves first over-the-counter HIV home-use test.

บทที่ 3 พันธุศาสตร์

เซลล์ดื้อเอชไอวี

นักวิทยาศาสตร์รายงานในวารสาร Nature Immunology ว่าเซลล์บางประเภทมีความต้านทานต่อไวรัสเอชไอวีเนื่องจากมันมีปริมาณของ dNTP ที่จะนำไปสร้างสารพันธุกรรมอยู่ในระดับต่ำเกินไป

ในการศึกษานี้พบว่าเซลล์ของระบบภูมิคุ้มกันไม่จำเป็นที่จะต้องใช้เป็นแหล่งเพิ่มจำนวนของไวรัสเอชไอวีเสมอไป เพราะในบรรดาเซลล์เหล่านั้นมีเซลล์เช่นแมโครเฟจ เดนไดตริกเซลล์ และพวกไมอีลอยด์เซลล์

คำอธิบายที่นักวิทยาศาสตร์เสนอก็คือเซลล์พวกนี้เป็นเซลล์ที่จะไม่แบ่งตัว และมีกลไกทำลายสารตั้งต้นสำหรับนำไปสร้างสารพันธุกรรมด้วยโปรตีน SAMHD1 ทำให้เมื่อมันมีไวรัสเข้ามา ไวรัสจึงไม่มีสารตั้งต้นสำหรับการแบ่งตัวให้นำไปใช้ในการเพิ่มจำนวน

ในการศึกษานั้นผู้วิจัยพบว่าไวรัสที่มีที่มาจากลิงอื่น มีโปรตีน Vpx ที่จะป้องกันไม่ให้ SAMHD1 ไปลด dNTP ได้ซ้ำยังทำให้ SAMHD1 เสื่อมสภาพไปอีกด้วย

อย่างไรก็ตามนักวิทยาศาสตร์ก็เห็นว่าเซลล์เป้าหมายของไวรัสเอชไอวีเป็นเซลล์ที่แบ่งตัวอยู่ การทำให้เซลล์พวกนี้ไม่แบ่งตัว หรือมี SAMHD1 ทำลาย dNTP ในเซลล์เหล่านี้ก็จะส่งผลให้ภูมิคุ้มกันต่ำลงเช่นกัน

ลิงก์ที่เกี่ยวข้อง: