รายงานใน National Geographic news แสดงให้เห็นว่าทะเลมรณะ (Dead Sea) ไม่ได้ไร้ชีวิตดังชื่อของมัน เพราะนักวิทยาศาสตร์ยังพบเจอสิ่งมีชีวิตได้หลากหลายโดยเฉพาะพวกจุลชีพ
นักวิทยาศาสตร์สังเกตุเห็นความผิดปกติบางอย่างที่ผิวน้ำ และคิดว่าน่าจะมีน้ำจืดผุดขึ้นมาจากใต้ทะเลมรณะ
การจะดำน้ำลงไปสำรวจใต้ทะเลมรณะไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะความหนาแน่นสูงของน้ำ อันเนื่องมาจากเมื่อครั้งอดีต ไม่มีน้ำไหลลงมาในทะเลนี้อีก และทะเลนี้ก็เป็นทะเลปิด น้ำจึงระเหยออกไปเรื่อยๆ ทิ้งไว้แต่สารเคมีที่ละลายอยู่ในน้ำ ให้มีความเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ
นักประดาน้ำต้องใส่น้ำหนักเพิ่มกว่า 40 กิโลกรัมจึงจะสามารถดำน้ำทะเลมรณะเพื่อสำรวจก้นทะเลนี้ได้ และพบว่าเบื้องล่างมีแอ่งกว่า 30 แห่ง แต่ละแห่งมีขนาดกว้างกว่า 10 เมตรและอาจลึกลงไปอีกกว่า 13 เมตร
การสำรวจทำด้วยความยากลำบากเพราะความขุ่นของน้ำอันเนื่องมาจากความเข้มข้น แต่เมื่อดำสำรวจแอ่งพวกนี้ (หรือหลุม) จนเข้าใกล้บริเวณที่มีตาน้ำจืด จะมองเห็นได้ดีขึ้น เพราะน้ำจะใสกว่าน้ำทะเลมรณะทั่วไป
นักวิทยาศาสตร์พบว่ามีสิ่งมีชีวิตพวกจุลชีพอาศัยอยู่ในบริเวณนี้เช่นกัน และอาจจะเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดใหม่กันด้วย เพราะมันจะต้องเป็นพวกที่สามารถปรับตัวตามการเปลี่ยนแปลงของความเค็มได้อย่างรวดเร็ว ในในเวลาหนึ่งมันอาจมีน้ำเค็มจัดล้อมรอบอยู่ แต่เมื่อกระแสน้ำเปลี่ยนทิศทาง พวกมันอาจมีแต่น้ำจืดล้อมรอบตัวมันอยู่ก็ได้
ในบรรดาสิ่งมีชีวิตที่เรารู้จักแล้วบนโลก ไม่มีจุลชีพใดที่จะมีชีวิตอยู่ได้ในลักษณะแบบนี้ เพราะพวกที่คนเค็มจัดได้จะตายทันทีที่เอาไปใส่ในน้ำจืด ส่วนพวกที่อยู่ในน้ำจืดก็จะตายทันทีหลังจากที่เอามันไปใส่ในน้ำเค็ม
ในอนาคตเราคงได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตสองน้ำพวกนี้มากขึ้นต่อไป
ผู้วิจัยไม่ได้ชวนทุกคนไปดำน้ำสำรวจด้วย เพราะจะลำบากหลายอย่าง แม้ว่าผลตอบแทนอาจเป็นเรื่องน่าระทึกใจอยู่ไม่น้อย การดำน้ำในทะเลมรณะจำเป็นต้องใส่หน้ากากแบบปิดหน้าทั้งหมด เพื่อป้องกันเนื้อเยื่อที่อ่อนแออย่างเช่นดวงตา และเยื่อบุและอวัยวะในปากและคอ ที่หากกินน้ำทะเลมรณะเข้าไป คออาจจะบวมจนหายใจไม่ออกได้
ที่มา: New Life-Forms Found at Bottom of Dead Sea
New Life-Forms Found at Bottom of Dead Sea.