นักวิทยาศาสตร์ที่ศึกษาแมงมุม (spider) เป็นอาชีพ มีชื่อเรียกว่า arachnologist ในขณะที่คนที่กลัวแมงมุมจะเรียกว่า arachnophobia นักวิทยาศาสตร์ตีพิมพ์ในวารสาร Nature เสนอว่าแมงมุมทั่วโลกน่าจะช่วยกันกินแมลง 400-800 ล้านตันในแต่ละปี
ลิงก์ที่เกี่ยวข้อง
ชีววิทยาออนไลน์
นักวิทยาศาสตร์ที่ศึกษาแมงมุม (spider) เป็นอาชีพ มีชื่อเรียกว่า arachnologist ในขณะที่คนที่กลัวแมงมุมจะเรียกว่า arachnophobia นักวิทยาศาสตร์ตีพิมพ์ในวารสาร Nature เสนอว่าแมงมุมทั่วโลกน่าจะช่วยกันกินแมลง 400-800 ล้านตันในแต่ละปี
ลิงก์ที่เกี่ยวข้อง
รายงานการศึกษาใหม่เกี่ยวกับพฤติกรรมการขว้างสิ่งของ แท้จริงแล้วอาจเริ่มเกิดขึ้นและพัฒนามากขึ้นเมื่อกว่าสองล้านปีที่แล้วที่มนุษย์เริ่มล่าสัตว์อื่นมากขึ้น
ที่มา: http://www.bbc.co.uk/news/science-environment-23061016
นักวิทยาศาสตร์ญี่ปุ่นรายงานการศึกษาพฤติกรรมล่าเหยื่อเพนกวินอเดลในวารสาร PNAS ว่าด้วยการใช้การถ่ายวีดิทัศน์ตามปกติ ร่วมกับการใช้เครื่องวัดความเร่ง (accelerometer) ที่ปัจจุบันก็มีขนาดเล็กพอที่จะติดสองเครื่องในเพนกวินตัวเดียวได้ ทำให้นักวิทยาศาสตร์บอกพฤติกรรมที่ได้มาจากเครื่องมือวัดความเร่งที่ติดนี้ว่าเพนกวินขยับหัวกับปากอย่างไรเมื่อเทียบกับการเคลื่อนไหวของร่างกาย
การล่าเหยื่อสองชนิดหลักอันได้แก่คริลและปลาขั้วโลกมีลักษณะแตกต่างกัน เมื่อดูคลิปพฤติกรรมเทียบกับข้อมูลที่อ่านได้จากเครื่องวัดความเร่งทำให้นักวิทยาศาสตร์มั่นใจว่าเพนกวินอเดลว่ายน้ำเข้าหาเหยื่อและงับเหยื่อตอนไหน แม้กระทั่งจะบอกว่ามันกินคริลวินาทีละสองตัวก็ทำได้เหมือนกัน ในขณะที่ปลาขั้วโลกพรางตัวกับแผ่นน้ำแข็ง แต่ดูเหมือนไม่มีผลต่อเพนกวินอเดลที่ตรงเข้าไปจับพวกมันมากินได้เหมือนระบบพรางตัวไม่มีผลอะไร
ที่มา: BBC Nature – Cameras reveal penguins’ efficient hunting techniques.
การศึกษาพฤติกรรมการล่าของชีตาร์แห่งเอเซีย (asian cheetah) จำเป็นต้องล่าสัตว์ที่มนุษย์เลี้ยงกินเป็นอาหารก็เพราะว่าเหยื่อตามธรรมชาติของมันมีน้อยลงนั่นเอง
ที่มา: BBC Nature – Asiatic cheetahs forced to hunt livestock.
ลิงก์ที่เกี่ยวข้อง:
นักวิทยาศาสตร์รายงานผลการศึกษาในวารสาร Current Biology เกี่ยวกับเทคนิคการล่าเหยื่อของเหยี่ยวนกเขา (goshawk) พบว่าพวกมันมักจะเล็งนกที่ดูแปลกแยกจากกลุ่ม หรือที่นักวิทยาศาสตร์เรียกว่า oddity effect
นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าการอยู่รวมกันเป็นฝูงของนกขนาดเล็ก เช่นฝูงนกเขา หรือฝูงนกพิราบ ช่วยป้องกันมันจากนกผู้ล่าได้ เพราะจะทำให้พวกมันสับสนไม่รู้จะจับตัวไหนดี และอาจจะพลาดจับไม่ได้สักตัว
นกผู้ล่าอาจพัฒนาเทคนิคการล่าโดยการเล็งนกบางตัวไว้ เพื่อเพิ่มโอกาสในการล่าโดยลดอาการงงจากจำนวนของนกตัวอื่นๆที่ดูเหมือนๆกัน โดยการเลือกนกที่ดูแปลกกว่าชาวบ้าน
ในการศึกษานี้นักวิทยาศาสตร์พบว่าเมื่อเก็บตัวอย่างขนนกใกล้ๆรังของเหยี่ยวนกเขากว่าสามสิบกว่ารังทำให้พบว่ามีขนนกสีขาวกว่า 20% ของตัวอย่าง แม้ว่าในความเป็นจริงนั้นนกพิราบขาวในฝูงนกพิราบธรรมดามีความถี่เพียง 1.6% เท่านั้นเอง แสดงให้เห็นว่าเหยี่ยวนกเขาเจตนาเลือกนกที่แปลกที่สุดในฝูงเป็นเหยื่อ
เหยี่ยวนกเขาที่มีพฤติกรรมเช่นนี้น่าจะประสบความสำเร็จในการหาอาหาร และสามารถเลี้ยงดูครอบครัวได้ดีกว่า มีฟิตเนสสูงกว่า
รังนกที่มีขนสีขาวใกล้ๆมักเป็นนกที่มีอายุมากกว่า แสดงให้เห็นว่านกพวกนี้พัฒนาเทคนิคการล่าแบบนี้เมื่อมันแก่ตัวขึ้นหรือมีประสบการณ์มากขึ้น
ลิงก์:
รายการทีวี Great Barrier Reef ออกอากาศเป็นครั้งแรกในวันที่ 31 ธันวาคม 2554 ทางสถานีโทรทัศน์ BBC Two แสดงภาพการล่าปลาแพะ (goatfish) เป็นอาหาร
หอยเต้าปูน (cone snail) ที่มีพิษร้ายแรงที่สุดอย่าง Conus geographus อาจทำให้คนตายได้เลยทีเดียว (โอกาสรอด 30%) หอยเต้าปูนแต่ละชนิดสร้างสารพิษ (toxin) ได้กว่า 100 ชนิด ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ประมาณกันว่าน่าจะมีสารพิษรวมแล้ว 50,000 แบบที่หอยเต้าปูนสร้างขึ้นเพราะมันมักไม่ซ้ำกันเลย
ในทางการแพทย์และงานวิจัยทางชีววิทยาทางการแพทย์ สารพิษที่ส่งผลต่อระบบประสาทของสิ่งมีชีวิต (เหยื่อของมันก็หลากหลาย ทั้งสัตว์มีกระดูกสันหลัง และไม่มีกระดูกสันหลัง) มีงานวิจัยที่จะหายาแก้ปวดจากสารพิษของหอยเต้าปูน
ในแง่ของการอนุรักษ์ การค้าหอยเต้าปูนมีมูลค่าไม่มากนัก แต่ตัวอย่างหายากอาจมีราคาสูง หากเป็นเปลือกเวียนซ้าย ก็จะมีราคามากกว่าพวกเวียนขวาที่มีดาษดื่น นักวิทยาศาสตร์กำลังศึกษาประชากรของหอยเต้าปูนอยู่ว่ามีแค่ไหน กระจายตัวอย่างไร เพื่อให้ทาง IUCN มีข้อมูลประกอบการตัดสินใจเรื่องการอนุรักษ์
ในสารคดีตอนนี้ หอยเต้าปูนจะบรรจุฉมวกอาบยาพิษของมันในงวง พิษที่มีจะทำให้ปลาเป็นอัมพาต (ปลาหลับอยู่) ในธรรมชาตินั้น หอยเต้าปูนอาจซ่อนตัวอยู่ในทราย คอยให้เหยื่อเข้ามาใกล้ สารพิษจะทำให้เหยื่อเป็นอัมพาต และถูกกินทั้งเป็น
หอยเต้าปูนอาจมีมากกว่า 640 ชนิด ส่วนมากอาศัยในทะเลเขตร้อนในแนวปะการัง ซึ่งอยู่ในเขตน้ำตื้น แต่มีบางชนิดอยู่ในเขตน้ำลึกที่เรามักไม่ค่อยรู้จักอีกด้วย
ที่มา: BBC Nature – How a venomous cone snail catches and kills fish.
งานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Ethology แสดงผลการศึกษาพฤติกรรมการล่าเหยื่อของปลาแพะชนิด Parupeneus cyclostomus (yello saddle goatfish) ซึ่งอาศัยอยู่ในทะเลเขตร้อน ซึ่งในที่นี้เป็นการศึกษาพฤติกรรมการร่วมมือกันในปลาที่ทะเลแดง (Red sea) นอกชายฝั่งของประเทศอียิปต์
นักวิทยาศาสตร์พว่าพวกมันจะล่าเหยื่อ โดยมีสมาชิกในฝูงคอยดักทางไม่ให้เหยื่อหนีไปได้ นอกจากนี้นักวิทยาศาสตร์ยังสังเกตุเห็นอีกว่าสมาชิกในฝูงแต่ละตัวดูเหมือนจะมีหน้าที่เฉพาะของมัน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการแบ่งหน้าที่กันในการล่า และไม่ได้เกิดการแบ่งทีมแบบสุ่ม ตัวที่ไล่ก็จะไล่ ตัวที่คอยกันก็จะคอยกันในการล่าแต่ละครั้งที่เกิดขึ้น
น่าสนใจมากสำหรับปลาพวกนี้